วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ทำไมต้องเรียน IS

ศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง “Independent Study : IS”ระดับมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 4
ทำไมต้องเรียน ศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง “Independent Study : IS

ศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง “Independent Study : IS  เป็นการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มุ่งให้ผู้เรียนได้ ศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง “Independent Study : IS” โดยใช้การบวนการเรียนรู้ที่หลากหลายวิธี เพื่อเป็นการพัฒนาผู้เรียนให้ผู้เรียนได้ศึกษาค้นคว้าอย่างอิสระในเรื่องหรือประเด็นที่ตนสนใจ เริ่มตั้งแต่การกำหนดประเด็นปัญหา ซึ่งอาจเป็น Public Issue และGlobal Issue และดำเนินการค้นคว้าแสวงหาความรู้จากแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย มีการวิเคราะห์ สังเคราะห์ การอภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อนำไปสู่การสรุปองค์ความรู้ จากนั้นก็หาวิธีการที่เหมาะสมในการสื่อสารนำเสนอให้ผู้อื่นได้รับทราบ และสามารถนำความรู้ที่ได้จากการศึกษาค้นคว้าไปทำประโยชน์แก่สาธารณะ รวมถึงให้ผู้เรียนเกิดกระบวนการที่เชื่อมโยงองค์ความรู้อย่างต่อเนื่อง ภายใต้ “การศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง (Independent Study : IS)”

เรียนรู้อะไรใน ศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง “Independent Study : IS

สาระการเรียนรู้ สาระ ประกอบด้วย
IS 1- การศึกษาค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ (Research and Knowledge Formation)
เป็นสาระที่มุ่งให้ผู้เรียนกำหนดประเด็นปัญหา ตั้งสมมุติฐาน ค้นคว้า แสวงหาความรู้และฝึกทักษะการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ และสร้างองค์ความรู้
IS 2- การสื่อสารและการนาเสนอ (Communication and Presentation)
เป็นสาระที่มุ่งให้ผู้เรียนนำความรู้ที่ได้รับ มาพัฒนาวิธีการการถ่ายทอด/สื่อสารความหมาย/แนวคิด ข้อมูลและองค์ความรู้ ด้วยวิธีการนำเสนอที่เหมาะสม หลากหลายรูปแบบ และมีประสิทธิภาพ
IS 3- การนำองค์ความรู้ไปใช้บริการสังคม (Social Service Activity)
เป็นสาระที่มุ่งให้ผู้เรียน นำ/ประยุกต์องค์ความรู้ไปสู่การปฏิบัติ หรือนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม เกิดบริการสาธารณะ (Public Service)

เป้าหมายคุณภาพผู้เรียนในการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง

ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
 1. การตั้งประเด็นคำถาม / สมมุติฐานอย่างมีเหตุผล (Hypothesis Formulation)
- ตั้งประเด็น / คำถามเกี่ยวกับ สถานการณ์ปัจจุบัน และ สังคมโลก
- ตั้งสมมุติฐานและให้เหตุผลที่สนับสนุนหรือโต้แย้งประเด็นความรู้ โดยใช้ความรู้จากสาขาวิชาต่าง ๆ และมีทฤษฎีรองรับ
2. การสืบค้นความรู้จากแหล่งเรียนรู้และสารสนเทศ หรือจากการปฏิบัติทดลอง (Searching for Information)
- ศึกษา ค้นคว้า หาความรู้ ข้อมูล และสารสนเทศ โดยระบุ แหล่งเรียนรู้ ทั้งปฐมภูมิ และทุติยภูมิ
- ออกแบบ วางแผนรวบรวมข้อมูล โดยใช้กระบวนการรวบรวมข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ
- ใช้กระบวนการกลุ่มแลกเปลี่ยนความคิดเห็นโดยใช้ความรู้จากสาขาวิชาต่างๆ และพิจารณาความน่าเชื่อถือของแหล่งเรียนรู้อย่างมีวิจารณญาณเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนสมบูรณ์
- ทำงานบรรลุผลตามเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพโดยคำแนะนาของครูที่ให้คำปรึกษาอย่างต่อเนื่อง
3. การสรุปองค์ความรู้ (Knowledge Formation)
- อธิบายความเป็นมาของศาสตร์ หลักการ และวิธีคิดในสิ่งที่ศึกษาค้นคว้า
- วิเคราะห์ ข้อมูล โดยใช้วิธีการที่เหมาะสม
- สังเคราะห์และสรุปองค์ความรู้อภิปรายผล เปรียบเทียบเชื่อมโยง ความรู้
- เสนอแนวคิด วิธีการแก้ปัญหา อย่างเป็นระบบ
4. การสื่อสารและการนำเสนอ อย่างมีประสิทธิภาพ (Effective Communication)
เรียบเรียงและถ่ายทอดความคิดอย่างสร้างสรรค์ เป็นระบบ
- นำเสนอในรูปแบบเดี่ยว (Oral individual) หรือ กลุ่ม( Oral panel presentation)เป็นภาษาไทย หรือภาษาอังกฤษโดยใช้สื่อเทคโนโลยี ที่หลากหลาย
เขียนรายงานการศึกษาค้นคว้าเชิงวิชาการเป็นภาษาไทย ความยาว 4,000 คำ หรือภาษาอังกฤษความยาว 2,000 คำ
- อ้างอิงแหล่งความรู้ที่เชื่อถือได้ ทั้งในและต่างประเทศ
- ใช้การสนทนา/วิพากษ์ผ่านสื่ออีเลคโทรนิค เช่น e-conference, social media online
5. การนำความรู้ไปใช้บริการ สังคม
- นำความรู้ไปประยุกต์ สร้างสรรค์ประโยชน์ต่อสังคมและโลก

เผยแพร่ความรู้และประสบการณ์ที่ได้จากการลงมือปฏิบัติเพื่อประโยชน์ต่อสังคมและโลก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น